ชื่อโครงงาน เอกลักษณ์ขนมเทียน
ชื่อ สกุล ผู้ทำโครงงาน
1.นางสาวกมลชนก จับใจนาย เลขที่ 18
2.นางสาวภัทธิรา กุลณาวงศ์ เลขที่ 24
3.นางสาวธิดารัตน์ สุวรรณมณี เลขที่ 36
4.นางสาววราลักษณ์ องค์การ เลขที่ 48
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
อาจารย์ อริศรา สะสม (อาจารย์ นก)
ระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาการดำเนินงาน |
งานที่ทำ |
หมายเหตุ |
วันที่ 1 พ.ย. 2553 | สมัครเว็บไซต์ 3 เว็บไซต์ | |
วันที่ 27 ธ.ค. 2553 |
ค้นคว้าข้อมูล และเรียบเรียงข้อมูล | |
วันที่ 28 ม.ค. 2554 |
ถ่ายทำวีดีทัศน์ | |
วันที่ 1 ก.พ. 2554 |
เผยแพร่ วิธีการทำขนมเทียนลงใน |
แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
ขนมเทียน มีอีกชื่อหนึ่งว่า ขนมนมสาว ทางภาคเหนือเรียก ขนมจ็อก ซึ่งเป็นขนมที่นิยมใช้ในงานบุญของชาวล้านนา โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ แต่เดิมมีไส้มะพร้าวและไส้ถั่วเขียว แต่ในปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ขนมเทียนออกไปหลากหลายมาก ชาวจีนใช้ขนมเทียนในการไหว้บรรพบุรุษช่วงวันตรุษและวันสารท ไส้เป็นถั่วเขียวกวนบด ถ้าแบบเค็มจะใส่พริกไทยและเกลือ แบบหวานใส่มะพร้าวและน้ำตาลลงไปเพิ่ม ถ้าตัวแป้งทำด้วยแป้งถั่วเรียกขนมเทียนแก้วในพิธีกรรมของชาวชอง จะใช้ขนมเทียนในพิธีไหว้ผีหิ้งด้วย
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาวิธีการทำขนมเทียน
2. เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
3. เพื่อเป็นพื้นฐานในการนำไปใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตได้
4. เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว
5. เพื่อร่วมอนุรักษ์ขนมไทยให้คงอยู่
หลักการและทฤษฎี
การทำขนมไทย เป็นส่วนหนึ่งที่ได้สืบสานอนุรักษ์ของไทยที่กำลังจะเลือนหายไป ให้กับคนรุ่นหลังได้รู้จัก ซึ่งจริงๆแล้วขนมไทยมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ที่ตกแต่งออกมาสวยงาม ขั้นตอนในการทำอย่างประณีต และรสชาติที่โดดเด่น ตามแบบฉบับของคนไทยโบราณ และที่สำคัญ ขนมไทยส่วนมากเป็นขนมที่มีความเป็นมงคลอยู่ในตัวอีกด้วย ดั้งนั้นการทำโครงงาน ชิ้นนี้ขึ้นมา ทางสมาชิกในกลุ่มจึงอยากจะแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของขนมไทย ซึ่งได้แก่ ขนมเทียน เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
วิธีการดำเนินงาน
1. เสนอโครงร่างโครงการ
2. ศึกษาปัญหา
3. รวบรวมข้อมูล
4. ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล
5. ลงมือดำเนินงาน
6. ตรวจสอบหลังการลงมือดำเนินงาน
7. ปรับปรุงแก้ไขโครงการ
8. สรุปผลการดำเนินงาน/นำเสนอข้อมูล
วิธีการทำขนมเทียน
ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเหนียว 3 ถ้วยตวง
น้ำตาลปีบ 3/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
ส่วนผสมไส้เค็ม
ถั่วเขียวเละเปลือกนึ่งสุก 1 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วยตวง
พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
ส่วนผสมไส้หวาน
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 5 ถ้วย
น้ำตาลปีบ 2 + 1 / 2 ถ้วย
วิธีทำแป้ง
1. แบ่งกะทิ 1 ถ้วยตวง ค่อยๆเติมลงในแป้งนวดแป้งให้เข้ากันกับกะทิจนแป้งเกาะกันเป็นก้อนพักไว้สักครู่
2. ผสมน้ำตาลปีบ น้ำตาลทราย และกะทิส่วนที่เหลือใส่ลงในกระทะทองตั้งไฟอ่อนๆ จนน้ำตาล
ละลายดีแล้วยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็น
3. ผสมแป้งกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันนวดจนเป็นเนื้อเดียวกันพักไว้
วิธีทำไส้เค็ม
1. โคลกถั่วให้ละเอียด เคล้ากับเกลือป่น น้ำตาลทราย พริกไทยป่นให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำมันพืช ลงในกระทะเจียวกระเทียมให้หอม ใส่ถั่วลงผัดให้เข้ากันดี ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น ปั้นเป็นก้อนกลม
วิธีทำไส้หวาน
1. ผสมมะพร้าวขูด น้ำตาลปีบ เข้าด้วยกันใส่ในกระทะทอง
2. ตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน กวนจนเหนียว ยกลง ปล่อยให้เย็น
3. ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 / 2 นิ้ว
วิธีปั้น
1. ฉีกใบตองกว้าง 5 นิ้วเช็ดน้ำมันให้ทั่ว
2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมแล้วแผ่ให้แบนวางไส้ลงตรงกลางหุ้มแป้งให้มิดอย่าให้ไส้ออกมา
3. จีบใบตอง ทำกรวยใส่ก้อนขนมลงในกรวยแล้วพับสอดเหลี่ยมใบตอง
4. เรียงห่อขนมลงในลังถึงนึ่งในน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 45 นาที แป้งสุกยกลง จากนั้นนำมาตกแต่งใส่จานตกแต่งจานให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น
สรุปผลการดำเนินงาน
ในการลงมือปฏิบัติโครงงานเอกลักษณ์ขนมเทียนครั้งนี้ สมาชิกในกลุ่มได้ช่วยกันอภิปรายแล้วสรุปผลออกมาว่า การทำขนมเทียนนั้นเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ขนมเทียนมี รสหวานหอมและอร่อย การทำขนมเทียนได้สำเร็จนั้นต้องอาศัยความสามัคคีของสมาชิกในกลุ่มซึ่งสมาชิกทุกคนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
เอกสารอ้างอิง
เนื้อหาละเอียด ดีมากค่ะ ^^